ของเหลว
อุปกรณ์สำหรับวัดปริมาตรของของเหลวมีหลายชนิดเราจะเลือกใช้ชนิดใดขึ้นอยู่กับว่าต้องการวัดปริมาตรให้ได้แม่นยำเพียงใด และต้องการใช้อุปกรณ์นั้นในการบรรจุ (contain) หรือในการถ่าย (deliver) ของเหลวที่มีปริมาตรแน่นอน
เราทราบแล้วว่าตามปรกติระดับของของเหลวในภาชนะใดๆ มักไม่เป็นระนาบตรงในแนวราบ แต่จะมีลักษณะเป็นพื้นผิวโค้งลง หรือ โค้งขึ้น เรียกว่า เมนิสคัส (meniscus) ในการอ่านระดับของของเหลวนั้น วิธีที่ถูกต้องคือ อ่านระดับของส่วนที่ต่ำสุดของเมนิสคัสที่โค้งลง หรือส่วนสูงของเมนิสคัสที่โค้งขึ้น โดยให้เมนิสคัสอยู่ตรงระดับตาพอดี และในบางกรณีก็อาจเพิ่มความถูกต้องในการอ่าน ปริมาตรได้โดยขีดเส้นตรงสีเข้มบนแผ่นกระดาษสีขาว นำไปทาบไว้ หลังเมนิสคัสพร้อมกับเลื่อนขึ้นลงจนเส้นตรง (ในแนวระดับ) นี้แตะกับเมนิสคัสพอดีแล้วจึงอ่านปริมาตรจากตำแหน่งของเส้นตรง
สำหรับการวัดปริมาตรที่ไม่ต้องการความแม่นยำสูงกว่า ± 1–2 cm3 อาจใช้กระบอกตวง (measuring cylinder) ขนาดใดขนาดหนึ่ง และในงานที่ต้องการทราบปริมาตรโดยประมาณเท่านั้นก็อาจใช้บิกเกอร์หรือขวดรูปกรวยที่มีขีดบอกปริมาตรได้
ในกรณีที่ต้องการความแม่นยำค่อนข้างสูง ( ± 0.01 cm3 ) อุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่ใช้บรรจุของเหลวที่มีปริมาตรแน่นอนได้แก่ขวดวัดปริมาตร (volumetric flask) ขนาดต่างๆ ซึ่งมีขีดบอกปริมาตรไว้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามถ้ารินของเหลวในขวดนี้ลงในภาชนะอื่นจะได้ของเหลวน้อยกว่าปริมาตรที่บรรจุเสมอเพราะจะมีของเหลวบางส่วนตกค้างอยู่ภายในขวด
การถ่ายของเหลวที่มีปริมาตรแน่นอนทำได้โดยใช้บิวเรต (burette) หรือ ปิเปต (pipette) บิวเรตที่ใช้ในห้องปฏิบัติการเคมีทั่วไป มีความจุ 25 cm3 หรือ 50 cm3 มีขีดแบ่งปริมาตรเป็นช่วงๆ ละ 0.1 cm3 แต่อ่านได้ถูกต้องประมาณ ±0.02 cm3 ปิเปตก็มีหลายขนาดเช่นกันแต่ที่ใช้สำหรับปฏิบัติการเคมีทั่วไปมักมีความจุ 10 cm3 หรือ 25 cm3 และวัดปริมาตรได้ถูกต้องประมาณ ±0.05 cm3
แบบบิวเรต
1. นำบิวเรตที่สะอาดและแห้งมายึดติดกับขาตั้งด้วยที่ยึดดังแสดง ปิดก๊อกที่ปลายล่างของบิวเรตแล้วรินของเหลวที่ต้องการใช้ผ่านกรวยแก้วลงในบิวเรตจนเกือบเต็ม (ถ้าบิวเรตสะอาดแต่ไม่แห้ง ให้ใช้ของเหลว ปริมาณเล็กน้อยกลั้วภายในบิวเรต 1-2 ครั้ง แล้วไขทิ้งทางปลายล่าง ก่อนจะบรรจุของเหลวลงไป
2. ใช้มือซ้ายเปิดก๊อกโดยจับคร่อมบิวเรตดังแสดงในรูปปล่อยให้ของเหลวส่วนหนึ่งไหลออกเพื่อไล่ฟองอากาศจากปลายล่างของบิวเรตปิดก๊อกประมาณ 10 วินาที แล้วบันทึกระดับของเหลวในบิวเรตให้ได้ ทศนิยม 2 ตำแหน่ง (หรืออาจปรับระดับของเหลวให้ตรงกับขีด 0 หรือขีดอื่นก็ได้)
3. เมื่อต้องการถ่ายของเหลวในบิวเรตลงทำปฏิกิริยากับของเหลว หรือ สารละลายอีกชนิดหนึ่งในขวดรูปกรวย (ในการไตเตรต) ให้ใช้มือขวาจับคอขวดรองรับตรงปลายล่างของบิวเรต และใช้มือซ้ายเปิดก๊อกในลักษณะเดียวกับที่กล่าวมาแล้วเพื่อให้ของเหลวทั้งสองชนิดผสมเข้ากันดีจะต้องแกว่งหรือเขย่าขวดเบาๆอยู่ตลอดเวลาขณะถ่ายของเหลวจากบิวเรตลงสู่ขวด
4. เมื่อได้ของเหลวตามปริมาณที่ต้องการแล้วให้ปิดก๊อกแล้วรอ 15 วินาที ก่อนอ่านและบันทึกระดับของเหลวที่เหลือในบิวเรตปริมาตรของของเหลวที่ถูกถ่ายออกจากบิวเรตจะหาได้จากผลต่างระหว่างระดับของเหลวที่อ่านได้ทั้งสองครั้ง
แบบปิเปต
1. ใช้มือบีบอากาศออกจากลูกยาง (pipette bulb) ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วนำลูกยางไปสวมที่ปลายบนของปิเปตที่สะอาดและแห้ง (ถ้าปิเปตไม่แห้งต้องกลั้วด้วยของเหลวที่ต้องการวัดปริมาตร เช่นเดียวกับในการใช้บิวเรต)
แบบปิเปต
1. ใช้มือบีบอากาศออกจากลูกยาง (pipette bulb) ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วนำลูกยางไปสวมที่ปลายบนของปิเปตที่สะอาดและแห้ง (ถ้าปิเปตไม่แห้งต้องกลั้วด้วยของเหลวที่ต้องการวัดปริมาตร เช่นเดียวกับในการใช้บิวเรต)
2. จุ่มปลายล่างของปิเปตลงในของเหลวที่ต้องการวัดปริมาตร คลายมือที่บีบลูกยางออกให้ของเหลวถูกดูดขึ้นไปในปิเปตจนเลขขีดบอกปริมาตรบนก้านปิเปตประมาณ 3 cm
3. ดึงลูกยางออก และรีบใช้นิ้วชี้ขวาปิดปลายบนของปิเปตทันที ค่อยๆขยับนิ้วชี้ขวาไปมา ปล่อยอากาศเข้าในปิเปตทีละน้อยให้ระดับของของเหลวลดลงมาจนเมนิสคัสแตะกับขีดบอกปริมาตรพอดี แล้วกดนิ้วปิดปลายบนให้แน่น ไม่ให้อากาศเข้าได้อีก
4. ยกปิเปตขึ้นให้พ้นจากของเหลว ใช้กระดาษเช็ดมือซับหยดของเหลวที่เกาะอยู่ภายนอกปิเปตให้แห้ง
5. (ขณะนี้นิ้วชี้ขวายังปิดอยู่ที่ปลายบนของปิเปต) จุ่มปลายปิเปตลงในภาชนะที่จะใช้ใส่ของเหลวยกนิ้วชี้ขวาขึ้น ปล่อยให้ของเหลวในปิเปตลงจนหมดแตะปลายปิเปตกับข้างภาชนะเพื่อให้ของเหลวหยดสุดท้ายไหลลงด้วย
ห้ามเขย่า เป่า หรือเคาะปิเปตกับข้างภาชนะที่รองรับเป็นอันขาด ถึงแม้จะเห็นว่ายังมีของเหลวติดค้างอยู่ปลายปิเปตเล็กน้อยก็ตาม มิฉะนั้นปริมาตรของเหลวที่ถ่ายออกจาก ปิเปต อาจผิดพลาดได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น